UN ประชุมฉุกเฉินหลังสหรัฐรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอล

967

ทรัมป์รับรอง “เยรูซาเล็ม” เป็นเมืองหลวงอิสราเอลแม้ทั่วโลกคัดค้าน-ยูเอ็นประชุมด่วนศุกร์นี้

สำนักข่าวไชน่าซินหัวนิวส์รายงานว่าวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) เจ้าหน้าที่การทูตเปิดเผยว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจะประชุมวาระเร่งด่วนวันศุกร์นี้ (8 ธ.ค.) เพื่อหารือต่อการตันสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ประกาศรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ

เจ้าหน้าที่เผยว่า การเรียกร้องให้อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติแถลงข่าวต่อสาธารณะครั้งนี้เกิดขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศส โบลิเวีย อียิปต์ อิตาลี เซเนกัล สวีเดน สหราชอาณาจักร และอุรุกวัย

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ธ.ค.) ทรัมป์ได้ประกาศว่าเขาจะรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศเริ่มดำเนินการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ จากเมืองเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเล็ม

“ผมมั่นใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ” ทรัมป์กล่าว พร้อมเสริมว่าเขาประเมินว่า “พฤติการณ์นี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อสหรัฐอเมริกาและเป็นการนำไปสู่สันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์”

“นี่เป็นก้าวที่ล่าช้ามานานในการเร่งกระบวนการสู่สันติภาพและร่วมงานกันเพื่อให้ได้ข้อตกลงระยะยาว” เขากล่าว ทั้งยังยืนยันว่าการประกาศของเขาเป็นเพียง “การรับรองความเป็นจริง” ซึ่งเขาคิดว่า “จำเป็น” ในการบรรลุสู่สันติภาพ

นครเยรูซาเย็มเป็นนครศักดิ์สิทธิ์และเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มายาวนาน ชาวอิสราเอลมองว่านครเยรูซาเล็มคือนครหลวงอันเป็นนิรันดร์และไม่อาจแบ่งแยกได้ และต้องการให้สถานทูตทั้งหมดมาตั้งอยู่ในนครแห่งนี้ ขณะเดียวกันชาวปาเลสไตน์ก็ต้องการให้เมืองหลวงของปาเลสไตน์ซึ่งเป็นรัฐเอกราชตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของนครแห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอิสราเอลมาตั้งแต่สงครามปี 1967 ต่างฝ่ายต่างต้องการให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของประเทศตนเอง

ทั้งนี้ การตัดสินใจข้างต้นของทรัมป์เท่ากับประกาศว่าสหรัฐฯ เลือกข้างอิสราเอล จึงเกิดเสียงคัดค้านจากผู้นำทั่วโลก เพราะไม่เห็นว่านี่คือหนทางที่จะนำไปสู่สันติภาพ

“องค์การสหประชาชาติคือผู้ที่ให้สถานะพิเศษทางการเมืองและกฎหมายแก่เยรูซาเล็ม ซึ่งทางสหประชาชาติเองก็เรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติเคารพสถานะพิเศษดังกล่าว นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงเชื่อว่าคณะมนตรีฯ จึงจำเป็นต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน” ทูตสวีเดนประจำสหประชาชาติกล่าว

หลังการประกาศของทรัมป์ กูเตอร์เรสได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “ผมประกาศไปอย่างชัดเจนแล้วว่า สหประชาชาติคัดค้านมาตรการฝ่ายเดียวใดๆ ก็ตามที่จะส่งผลอันตรายต่อสันติภาพของชาวอิสราเอลและปาเลสไตน์”

“ในช่วงเวลาแห่งความวิตกกังวลอันใหญ่หลวงนี้ ผมอยากจะพูดให้ชัดอีกครั้งว่า ไม่มีทางเลือกใดที่จะแทนที่ทางแก้ 2 รัฐ (two-state solution) ไม่มีแผนบี” กูเตอร์เรสกล่าว “ผมจะทำทุกอย่างในขอบเขตอำนาจของผมเพื่อสนับสนุนให้ผู้นำอิสราเอลและปาเลสไตน์หันกลับมาสู่การเจรจา”

0%
Comments
Loading...