ซูเปอร์ฟูลมูนเป็นดวงจันทร์เต็มดวงใหญ่ที่สุดเมื่อดวงจันทร์โคจรรอบโลกแล้วเคลื่อนมาอยู่ใกล้โลกมากที่สุด เนื่องจากวงโคจรของดวงจันทร์มีรูปไข่ด้านหนึ่ง (apogee) ห่างจากโลกประมาณ 30,000 ไมล์ (50,000 กิโลเมตร) มากกว่าที่อื่น (perigee) ดวงจันทร์เต็มดวงใหญ่ที่สุดจะมีขนาดใหญ่มากกว่าปกติประมาณ 14% และสว่างกว่าดวงจันทร์เต็มดวง 30%
โนอาห์ปิโตรนักวิจัยจากศูนย์การบินอวกาศ Goddard NASA กล่าวว่า “ซูเปอร์ฟูลมูนเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคนที่จะได้เห็นดวงจันทร์ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็น”
เป็นการยากที่ดวงตาของเราจะแยกแยะการเปลี่ยนแปลงขนาดเล็ก ๆ เหล่านี้เมื่อดวงจันทร์อยู่ท่ามกลางความกว้างใหญ่ของท้องฟ้ายามราตรี แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณได้เห็นพระจันทร์เต็มดวงขณะที่มันลอยอยู่บนขอบฟ้าที่ส่องผ่านเงาต้นไม้หรืออาคารขนาดที่เห็นได้ชัดอาจทำให้คุณต้องใช้เวลาสองครั้ง คุณเกือบจะรู้สึกราวกับว่าคุณสามารถเข้าถึงได้คว้าลูกโลกเร่าร้อนและวางลงในถ้วยกาแฟของคุณ ยิ่งถ้าเป็นซุปเปอร์ฟูลมูน
ถ้าคุณสามารถดูตอนหนึ่งตอนใดของซูเปอร์ฟูลมูนเพียงตอนเดียวให้พยายามดูตอนที่สาม มันจะพิเศษมาก
ก่อนอื่น Supermoon วันที่ 31 มกราคมจะมีจันทรุปราคาด้วยโดยสามารถมองเห็นได้จากตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือทั่วเอเชียแปซิฟิก วงโคจรของดวงจันทร์รอบโลกของเราเอียงจึงมักจะตกลงมาเหนือหรือใต้เงาของโลก ประมาณสองครั้งในแต่ละปีดวงจันทร์เต็มรูปแบบขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบกับโลกและดวงอาทิตย์เช่นที่เงาของโลกทั้งหมดบล็อกแสงของดวงอาทิตย์ซึ่งโดยปกติจะสะท้อนออกจากดวงจันทร์
ดวงจันทร์จะสูญเสียความสว่างของมันและใช้แสงเรืองรองที่น่าขนลุกกว่าปกติจากแสงแดดที่ไม่เอื้ออำนวยที่ทำให้ไหลผ่านชั้นบรรยากาศของโลก มักถูกเจือด้วยสีแดงเนื่องจากบรรยากาศกวนแสงดวงจันทร์บดบังโดยสิ้นเชิงบางครั้งเรียกว่า ‘ดวงจันทร์สีเลือด’
เราเห็นพระอาทิตย์ตกของโลกในขณะนั้นสะท้อนพื้นผิวดวงจันทร์ “ซาร่าห์โนเบิลนักวิทยาศาสตร์หลักสูตรหนึ่งในสำนักงานใหญ่ขององค์การนาซ่ากล่าว
Supermoon วันที่ 31 มกราคมจะเป็นดวงจันทร์เต็มดวงที่ครั้งที่สองของเดือน บางคนเรียกพระจันทร์เต็มดวงที่สองในเดือนหนึ่งเป็น Blue Moon ซึ่งทำให้เป็นสุดยอด ‘Blue Moons เกิดขึ้นทุกๆสองปีครึ่งโดยเฉลี่ย พร้อมกับเกิดจันทรุปราคาทั้งหมดจะเป็นปรากฏการณ์ดวงจันทร์สีน้ำเงิน
