นายกฯสั่งตั้งทีมพร้อมรับมือCOVID-19
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ระบุว่าที่ประชุมมีความเห็นตรงกันว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในขณะนี้ยังอยู่ระยะที่ 2 เพราะเป็นเรื่องทางวิชาการ เพื่อการบริหารจัดการ ซึ่งขั้นที่ 3 จะประกาศเมื่อประชาชนรับเชื้อกันเองไม่มีต้นตอมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงรวมถึงต้องปรากฏการณ์แพร่เชื้อเป็นจำนวนมากและเกิดขึ้นหลายพื้นที่จึงจะถือเป็นเหตุการณ์คับขัน ขณะนี้จึงยืนยันว่าเป็นระยะที่ 2 แต่ทางรัฐบาลก็ได้เตรียมความพร้อมเข้าสู่ระยะที่ 3 ทั้งสถานพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ เวชภัณฑ์ พร้อมทั้งมีการอนุมัติค่าตอบแทนพิเศษให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
ส่วนหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือนั้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งกำลังการผลิตแล้ว ขณะที่หลายประเทศพร้อมสนับสนุน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการตรวจยึดหน้ากากอนามัยของกลางเป็นจำนวนมากนั้น นายกฯสั่งการให้นำกลับมาแจกจ่ายให้กับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนที่มีความต้องการ
นายกฯยังแสดงความเป็นห่วงคนไทยที่อาศัยอยู่ต่างประเทศจำนวนมากจึงได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศจัดตั้งทีมงานเพื่อรับมือCOVID-19 รับเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ให้ความช่วยเหลือ พร้อมทั้งคอยประสานงานกับทางการไทย ส่วนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าไทยได้สั่งการให้มีมาตรการเข้มงวด ซึ่งต้องมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 วัน มีการประกันสุขภาพ ต้องยินยอมให้ทางการไทยติดตั้งแอพพลิเคชั่นเพื่อติดตามตัว
สำหรับช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-15 เม.ย.นี้อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส จึงต้องช่วยกันลดความเสี่ยงด้วยการเสนอครม.งดวันหยุดราชการแต่รัฐจะชดเชยวันหยุดในภายหลังเมื่อสถานการณ์ไม่ยุ่งยากต่อการควบคุม ซึ่งจะนำมติดังกล่าวของคณะกรรมการฯเสนอต่อที่ประชุมครม.ในวันที่ 17 มี.ค.
ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)ยังเห็นว่าควรควบคุมสถานที่ที่มีผู้เข้าไปรวมกันอยู่จำนวนมาก เป็นประจำและมีความเสี่ยงสูงยากต่อการเว้นระยะห่าง ให้เสนอครม.สั่งปิดหรือหยุดกิจการไปก่อนเป็นการชั่วคราว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. นี้ โดยมีทั้งมหาวิทยาลัยโรงเรียน สถานกวดวิชา ส่วนสถานที่ใดไม่เข้าเกณฑ์สามารถเปิดบริการต่อได้แต่ต้องมีมาตรการป้องกันซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบหากพบว่าไม่มีมาตรการรองรับอาจสั่งให้ปิดให้บริการไปก่อน ทั้งนี้มาตรการทั้งหมดเพื่อเป็นการป้องกันและระงับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยนายกฯได้กำชับให้ทุกหน่วยงานกำหนดมาตรการโดยให้เหลื่อมเวลาการทำงานเพื่อลดจำนวนคนไม่ให้เกิดความแออัดรวมถึงให้แจกจ่ายงานไปทำที่บ้าน ซึ่งนายกฯจะสั่งการในที่ประชุมครม.ต่อไป
ทั้งนี้ยังยืนยันว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่จำเป็นต้องกักตุนอาหารแต่ขอให้ปฏิบัติตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำอย่างเคร่งครัดโดยใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ล้างมือด้วยเจลล้างมือหรือสบู่อยู่เสมอ หากเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงให้กักตัวเองอย่างน้อย 14 วัน หรือหากมีไข้ ไอ เจ็บคอควรพบแพทย์ทันที