พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยขอบคุณคณะรัฐมนตรี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำงานในการป้องกันและควบคุมโรค ทั้งสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ได้ตั้งศูนย์การแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีของศูนย์รวมนวัตกรรม KMITL GO FIGHT COVID-19 มีนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อการป้องกัน และควบคุมโรค ซึ่งช่วยลดต้นทุนและนำมาใช้งานได้ โครงการผลิตและพัฒนาขึ้นใช้เอง จะได้นำไปใช้งาน และพัฒนาต่อยอดต่อไป
.
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการพิจารณากำหนดมาตรการผ่อนคลายในระยะที่ 3 ขอให้ที่ประชุมร่วมกันพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ และเมื่อประกาศมาตรการผ่อนคลายแล้วขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจวิธีคิด เหตุผลในการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมใดๆ และมาตรการบริหารในพื้นที่ ตลอดจนตรวจติดตาม และเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด
.
ส่วนการเตรียมเปิดสถานศึกษา และเปิดการเรียนการสอน ต้องพิจารณา ความพร้อมในทุกด้าน ทั้งบุคลากรครู และอุปกรณ์การเรียนการสอน ส่วนระบบการเรียน online ก็จะเป็นการใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส พัฒนาการเรียน online สำหรับพื้นที่ห่างไกล จุดเปราะบาง ลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาระหว่างเมืองกับชนบท
.
ทั้งนี้ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจเจตนาการขยาย พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ เพื่อให้การบริหารสถานการณ์ในภาพรวมของ ศบค. มีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพ หากสถานการณ์ดีขึ้นในระยะ 4 อาจพิจารณายกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ ส่วนที่ยังจำเป็นต้องคง พ.ร.ก. ไว้ เพื่อเตรียมพร้อมในการดำเนินมาตรการต่ออย่างราบรื่น เพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ต่อไปได้ ดำเนินมาตรการรองรับในขั้นตอนต่อๆไปได้
.
หน่วยงานที่รับผิดชอบในส่วนต่างๆ ได้รายงานผลการดำเนินการ โดยนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้รายงาน สถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ ว่าจำนวนผู้ป่วยในไทยมีสถานการณ์ที่ดีขึ้นตามลำดับ จำนวนผู้ป่วยตอนนี้มาจากต่างประเทศ ขณะที่การแพร่ระบาดในประเทศลดลง ส่วนสถานการณ์โลกยังคงน่าเป็นห่วงในหลายประเทศ กระทรวงสาธารณสุขได้สำรวจพบว่าพฤติกรรมการป้องกันตนเองของประชาชนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ยกเว้นการใส่หน้ากากที่ประชาชนยังให้ความสำคัญ ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดมากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่ามีประชาชนเดินทางออกนอกจังหวัดถึง 26% และมีกิจกรรมพบปะรวมกลุ่มกันมากขึ้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า มีคนไทย 11%ไปร่วมกิจกรรมทางสังคม การจัดมาตรการป้องกันของแต่ละสถานที่ยังทำได้ไม่ดี ควบคุมได้เพียง 57% โดยเฉพาะสถานที่นันทนาการ และศาสนสถาน ทำได้น้อยกว่า 50% และประชาชนเชื่อมั่นว่า ตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมการแพร่ระบาด แต่ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ไม่มั่นใจการป้องกันการติดเชื้อด้วยตนเอง และประสิทธิภาพของการออกมาตรการของรัฐบาลต่อสถานการณ์ความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีน ขณะนี้ไทยกำลังทดลองในสัตว์ คาดว่าผลของการการทดสอบ 10 แบบ ใน 5 ประเทศ จะใช้เวลา 6-12 เดือน
.
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่า ความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดมาจากความร่วมมือของประชาชน และองค์กรส่วนท้องถิ่น แต่สถานการณ์ก็ยังวางใจไม่ได้ ต้องเตรียมพร้อมอยู่เหมือนเดิม และยังคงต้องใช้มาตรการทางสังคมที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ช่วยกันดูแล สอดส่อง และตักเตือน โดยได้สั่งการให้ดำเนินการเปรียบเทียบมาตรการกับประเทศอื่นๆ ที่มีสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ว่ามีการดำเนินการผ่อนคลายอย่างไร แต่ต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ไม่รีบร้อน
.
พลอากาศเอก พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้รายงานการปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงว่าภาพรวมการตรวจ และการดำเนินการของชุดตรวจ พบว่าจับกุมผู้กระทำความผิด ฝ่าฝืน ได้น้อยลง ประชาชน ร้านค้า ให้ความร่วมมืออย่างดี มีกิจกรรมมั่วสุมลดลง
นายเฉลิม พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รายงานการปฏิบัติการของศูนย์ปฏิบัติการด้านมาตรการป้องกันและช่วยเหลือประชาชนว่าได้ดูแลผู้ถูกกักตัวใน State Quarantine ที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถรองรับผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น และรายงานถึงกิจกรรมที่ยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการจำนวน 47,164 แห่ง อนุญาตให้เปิดกิจการและกิจกรรมได้ 291,394 แห่ง จากการประเมินผลการดำเนินการตามมาตรการผ่อนปรนระยะที่ 2 มีผลปรากฎว่าประชาชนให้ความร่วมมือตามมาตรการป้องกันโรคเกิน 90%
.
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รายงานภาพรวมการใช้งาน Platform “ไทยชนะ” ว่ามียอดสะสมร้านค้าใช้งาน 125,408 ร้าน จำนวนผู้ใช้งาน 15,592,611 คน ตั้งแต่ 17-28 พฤษภาคม 2563 ส่วนผลการประเมินกิจการ/กิจกรรม ตามมาตรการ ผลคะแนนเกิน 90% ในทุกประเภทธุรกิจ เช่น การถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ธนาคาร คลินิกเสริมความงาม
.
ที่ประชุมได้พิจารณาข้อเสนอมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 3 โดยพลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ รายงานว่าคณะอนุกรรมการพิจารณาถึงมาตรการคัดกรองป้องกันเป็นหลัก โดยประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาดำเนินการคือ มาตรการคัดกรองไข้ และอาการไอ หอบเหนื่อย จาม หรือเป็นหวัด สำหรับพนักงานบริการ และผู้ใช้บริการ และรายงานหน่วยงานรับผิดชอบ กรณีพบผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ตามแนวทางที่กำหนด ทุกกิจการและกิจกรรมจัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้า – ออกสถานที่ และเพิ่มมาตรการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือใช้มาตรการควบคุมด้วยการบันทึกข้อมูล และรายงานทดแทน ให้พิจารณาพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาว นำไปสู่การป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ
.
โดยในที่ประชุมได้พิจารณากำหนดกิจกรรมที่ให้ผ่อนคลายในระยะที่ 3 สำหรับกิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต เช่น ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ (เปิดถึง 21.00 น.) ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ร้านเสริมสวย แต่งผม ตัดผม ไม่เกินรายละ 2 ชม. และไม่มีผู้นั่งรอในร้าน กิจกรรมด้านการออกกำลังกายดูแลสุขภาพหรือสันทนาการ เช่น คลินิกเวชกรรมเสริมความงาม สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา และนวดแผนไทย สถานออกกำลังกาย ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ สระน้ำหรือกิจกรรมทางน้ำ
.
ส่วนมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่ยังคงไว้ คือยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักร ทั้งทางบก น้ำ อากาศ ปรับระยะเวลาเคอร์ฟิว เป็น 23.00 – 03.00 น. สามารถเดินทางข้ามจังหวัดภายใต้มาตรการตามที่ราชการกำหนด และห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ให้เปิดดำเนินการ ไม่เกินเวลา 21.00 น.
Sign in
Sign in
Recover your password.
A password will be e-mailed to you.
Prev Post
Comments