Nijo Castle : เมื่อปราสาทมรดกโลกของเมืองเกียวโตต้องรับบทเป็นอาร์ตแกลเลอรี่
แต่หลายคนอาจมองข้ามเพราะไม่อินกับงานปราสาท สถาปัตยกรรมภายนอกก็ไม่โดดเด่นขนาดที่เห็นแล้วร้องอ๋อเหมือนวัดทองหรือวัดน้ำใสเพื่อนร่วมจังหวัด
อย่างไรก็ตาม ที่นี่ก็ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO แถมเป็นมรดกโลกที่เก่าแต่ตัว ส่วนหัวใจร่วมสมัย ในขณะที่กำลังบูรณะอาคารทั้งภายในและภายนอกครั้งใหญ่ นิโจใจกล้าจัด
เพียงเท่านี้ ศิลปะร่วมสมัย การบูรณะโบราณสถาน และการฟื้นฟูเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ก็ดูจะกลายเป็นเรื่องเดียวกัน
ศิลปะที่ว่านี้คือ Asia Corridor ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงาน Culture City of East Asia โครงการศิลปะระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมของ 3 ประเทศคือ จีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ซึ่งทำมาตั้งแต่ปี 2014 ปีนี้เกียวโตได้เป็นตัวแทนของประเทศ ปราสาทนิโจถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานหลัก ใช้พื้นที่ทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์แสดงผลงานหลายสไตล์ของศิลปินจาก 3 ประเทศ ซึ่ง 80 เปอร์เซ็นต์ของผลงานทั้งหมดทำมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ (ยาโยอิ คุซะมะ (Yayoi Kusama) ก็มาแจมด้วยนะ!)
หันมาดูมุมงานอนุรักษ์กันบ้าง
งานบูรณะปราสาทนิโจเริ่มมาตั้งแต่ปี 2011 ด้วยงบมหาศาลหนึ่งหมื่นล้านเยน ซึ่งถือเป็นการบูรณะเต็มรูปแบบครั้งแรกตั้งแต่สร้างขึ้นเมื่อ 400 ปีก่อน ตอนนี้มีหลายส่วนที่งานเสร็จแล้ว เปิดโชว์ความวิจิตรแบบออริจินอลให้ชมกันอย่างเต็มภาคภูมิ เช่น ประตูคะระมง (Kara-mon) ซึ่งเป็นประตูทางเข้าออกพระราชวังชั้นในที่ไฮโซที่สุด รวมงานแกะสลักลงรักปิดทองสัญลักษณ์สิ่งมงคลทั้งหลายไว้เป๊ะปัง
ส่วนภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังในตำหนักนิโนะมะรุโกะเต็น (Ninomaru-goten) ที่ถือเป็นไฮไลต์ที่อยากจะไหว้ขอให้ลองเข้าไปดูกันเถอะ มีบางส่วนถูกถอดไปบูรณะ บางส่วนเป็นงานเลียนแบบ (replica) แต่โดยรวมก็ยังถือว่าตระการตาเลอค่าอลังการ ซ่อนนัยและสตอรี่เวรี่เจแปนนีสไว้ในทุกลายเส้น
ใช่! ทั้งงานอาร์ตกรุบกริบและงานนิทรรศการเก่าแก่ต่างจัดขึ้นที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพราะเงินหนึ่งหมื่นล้านเยนที่ได้มาในตอนแรกไม่พอน่ะสิ
เส้นทางชมงานเป็น one way (ที่ไม่บังคับ) หลอกให้เราเข้าๆ ออกๆ ตัวอาคาร วนไปรอบๆ สวนและคลองจิ๋วเพื่อเดินชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่กว่า 400 ปีหลายตึกแบบเนียนๆ จากหลายมุม บางจุดไม่เคยเปิดให้คนนอกเข้าชมมาก่อน พูดตามตรงว่าโครงไม้เก่าแก่ของอาคารแอบขโมยซีนผลงานศิลปะบ้างเล็กน้อย และขอชื่นชมความใจกว้างที่ให้เราใกล้ชิดหายใจรดผลงานได้อย่างอิสระ
งานนี้ได้ประโยชน์หลายต่อ นอกจากจะได้เงินจากค่าตั๋วเข้าปราสาทและค่าเข้าชมงานศิลปะ มรดกโลกยังได้ภาพลักษณ์คูลๆ ฮิปๆ ขยายฐานแฟนคลับเพิ่มไม่มากก็น้อย เดินเพลินมากว่าครึ่งวันจะไม่เห็นความดีงามของกันและกันบ้างเชียวเหรอ
เป็นที่รู้กันว่าจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มีความตึงเครียดทางประวัติศาสตร์และการเมืองอยู่ไม่น้อย
ในทางกลับกัน ทั้ง 3 ประเทศกลับมีความสัมพันธ์เชิงวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้งยาวนาน ทั้งอิทธิพลเรื่องภาษา สถาปัตยกรรม และความเชื่อต่างๆ ชาวอาร์ตเลยมองว่า นี่แหละ ถึงเวลาแสดงพลังของงานศิลป์!
พวกเขาคิดว่าการแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมจะช่วยให้สื่อสารกันง่ายขึ้น เผลอๆ อาจจะก้าวข้ามความขัดแย้งและเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้แน่นแฟ้นจนต่อยอดไปสู่ความสัมพันธ์อันดีที่ยั่งยืนและส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ
และถ้าเป็นไปได้ก็อยากสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆ ร่วมกัน
ในขณะที่ส่วนต่างๆ ของปราสาทนิโจกำลังได้รับการบูรณะ การจัดการต่างๆ กลับมุ่งให้เกิดสิ่งใหม่ที่เป็นสากล สามารถสื่อสารข้ามเชื้อชาติและค่านิยมเก่าๆ
พวกเขากำลังบูรณะของเก่าให้คงสภาพเดิมเพื่อสร้างอนาคตใหม่ร่วมกัน
สวัสดีนิวส์